บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (“บริษัท”) ตระหนักดีว่า ภาษีมีความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไม่เพียงส่งเสริมและสนับสนุนความสามารถทางการแข่งขันของภาคธุรกิจ หากยังมีส่วนในการสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงการพัฒนาประเทศโดยภาพรวมด้วย
บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านภาษี โดยยึดหลักความถูกต้อง โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ตลอดจนมีแนวทางในการวางแผนและการปฏิบัติทางด้านภาษีสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันของบริษัท
กลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจส่วนใหญ่ในประเทศไทย ไม่มีรายได้จากต่างประเทศ หรือสินทรัพย์ในต่างประเทศที่มีสาระสำคัญ
แนวทางปฏิบัติ
- ในการปฏิบัติเกี่ยวกับภาษีอากร บริษัทได้ถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของประมวลรัษฎากรและกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจอย่างเคร่งครัด และเสียภาษีอย่างถูกต้อง โดยบริษัทมีที่ปรึกษาด้านภาษีอากรซึ่งประกอบด้วยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตามกฎหมาย
- บริษัทมีหน่วยงานบัญชีภาษีอากร มีหน้าที่ในการติดตามนโยบายหรือกฎหมายภาษีอากรที่จะออกใหม่ ศึกษาหลักเกณฑ์มาตรการภาษีและสิทธิประโยชน์ทางภาษี พิจารณาผลกระทบที่เกิดขึ้น เตรียมความพร้อม และแจ้งให้ผู้มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบของบริษัททราบเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมายใหม่ได้ถูกต้อง
- บริษัทไม่มีนโยบายในการโอนผลกำไรไปยังบริษัทในต่างประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีในประเทศในอัตราที่สูง
- ในการกำหนดราคาโอนของบริษัท สำหรับธุรกรรมระหว่างกันเป็นไปตามหลักการอ้างอิงจากราคาตลาด โดยบริษัทถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของประมวลรัษฎากรและกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้อง
- บริษัทจะไม่ใช้โครงสร้างทางภาษีโดยไม่มีเนื้อหาในเชิงพาณิชย์ หรือใช้โครงสร้างภาษีในแนวทางที่ไม่ถูกต้องอันจะก่อให้เกิดการหลีกเลี่ยงภาษี โดยบริษัทไม่ได้ใช้ Tax Havens เพื่อวัตถุประสงค์ในการหลีกเลี่ยงภาษีแต่อย่างใด
- นโยบายด้านภาษีได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารก่อนที่จะนำไปใช้บริษัทดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส มีการกำหนดราคาโอนในการทำธุรกรรมซื้อขาย หรือบริการระหว่างกันกับบริษัทในกลุ่มอย่างเหมาะสม เป็นไปตามราคาตลาดปกติโดยทั่วไป
ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ปี 2565
การกระทบยอดเพื่อหาอัตราภาษีที่แท้จริง | ||||
---|---|---|---|---|
งบการเงินรวม | ||||
อัตราภาษาที่ใช้ (ร้อยละ) | ร้อยละ 0 | ร้อยละ 20 | อื่นๆ | รวม |
(ล้านบาท) | ||||
กำไร (ขาดทุน) ทางบัญชีก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ | (82) | 20,172 | (8) | 20,082 |
ภาษีเงินได้คำนวณตามอัตราภาษีที่ใช้ | – | 4,034 | 254 | 4,288 |
ผลกระทบทางภาษีของรายได้และค่าใช้จ่ายที่ไม่ถือเป็นรายได้หรือค่าใช้จ่ายทางภาษี | – | (554) | 157 | (397) |
ภาษีปีก่อนๆ ที่บันทึกสูงไป | – | (41) | 11 | (30) |
สุทธิ | – | 3,439 |
422 | 3,861 |
กลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจส่วนใหญ่ในประเทศไทย มีสัดส่วนรายได้ในประเทศอยู่ที่ 93.88% โดยในปี 2565 มีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ในประเทศไทยเท่ากับ 20,172 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลเท่ากับ 3,439 ล้านบาท ตามอัตราภาษีที่แท้จริง 17.05% ซึ่งแตกต่างจากอัตราภาษีที่แท้จริง 20% ตามพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 42) พ.ศ. 2559 วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2559 โดยพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 บริษัทย่อยในประเทศแห่งหนึ่งได้รับสิทธิพิเศษยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิของธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริม
บริษัทได้รับสิทธิพิเศษในนโยบายส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทยโดยการกำกับดูแลซึ่งเป็นแรงจูงใจในการลงทุนที่เพิ่มขึ้นโดยภาคเอกชนและการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศไทย
นอกจากนี้ บริษัท ยังได้รับสิทธิพิเศษยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการฝึกอบรมหรือพัฒนาพนักงาน
รายงานประจำปี 2565 (ฉบับภาษาไทย หน้า 329)
สิทธิประโยชน์ทางภาษีประเทศไทย ปี 2565
รายการสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่บริษัทได้รับใน ปี 2565 | ||||
---|---|---|---|---|
พระราชกฤษฎีกา ฉบับที่ 437 เรื่อง รายจ่ายในการฝึกอบรมพนักงาน | ร้อยละ 1.19 | |||
พระราชกฤษฎีกา ฉบับที่ 690,695 เรื่อง ส่งเสริมการลงทุนในทรัพย์สิน | ร้อยละ 0.95 | |||
พระราชกฤษฎีกา ฉบับที่ 718 เรื่อง ลงทุนระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ | ร้อยละ 0.04 | |||
ปรับปรุงรายจ่ายที่เป็นผลต่างทางบัญชีและภาษีอากร ดอกเบี้ยหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน | ร้อยละ 0.77 | |||
รวมสิทธิประโยชน์ด้านภาษี | ร้อยละ 2.95 |
จำนวนพนักงานแยกตามประเทศ
ประเทศ | จำนวนพนักงาน | |
---|---|---|
จำนวน | FTE | |
ประเทศไทย | 163,610 | 152,174 |
กัมพูชา | 1,252 | 1,519 |
มาเลเซีย | 1 | 1 |
อื่นๆ | 2,538 | 3,059 |
นโยบายและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง
นโยบายด้านภาษี | ดาวน์โหลด |