การจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ

การจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ

ผลการดำเนินงานที่สำคัญปี 2567


คู่ค้าลำดับที่ 1 และคู่ค้าที่สำคัญลำดับถัดไปผ่านการคัดกรองความเสี่ยง

คู่ค้าที่มีนัยสำคัญลำดับที่ 1 และลำดับถัดไป ได้รับการตรวจประเมิน

คู่ค้าที่มีนัยสำคัญซึ่งตรวจพบว่ามีผลกระทบด้านลบต่อ ESG มีแผนการดำเนิน
การแก้ไข

คู่ค้าที่มีนัยสำคัญซึ่งตรวจพบว่ามีผลกระทบด้านลบต่อ ESG ได้รับการพัฒนาศักยภาพ เพื่อปรับปรุงแนวปฏิบัติและผลการดำเนินการ ESG

การดำเนินงานที่สำคัญปี 2567


ปรับปรุงรูปแบบการตรวจประเมินคู่ค้าด้านความยั่งยืนแบบเชิงรุกให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ครอบคลุมความเสี่ยงตามอุตสาหกรรม ขนาดธุรกิจ และผลิตภัณฑ์

ส่งเสริมความรู้และสนับสนุนเอสเอ็มอีให้เข้าร่วมประกาศเจตนารมณ์แนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต CAC

จัดอบรมให้ความรู้คู่ค้าที่สำคัญลำดับที่ 1 (Critical Tier1 Supplier) เรื่องการจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจก

จัดโครงการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพ (Capacity Building) ของคู่ค้ากลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างและผู้รับเหมาขนส่ง เพื่อปรับปรุงแนวปฏิบัติและผลดำเนินการ ESG

โครงการความร่วมมือกับคู่ค้าด้านความยั่งยืน ให้เข้าร่วมโครงการยกเลิกการใช้โฟมทั้งหมด และโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

โครงการ “ส้มปลอดภัย คนไทยยิ้มได้” ปีที่ 10 ส่งเสริมให้เกษตรกรหยุดใช้สารเคมีฆ่าแมลง และหันมาใช้สมุนไพรท้องถิ่น

สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน


SDG 4 สร้างหลักประกันว่าทุกคนมีการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม และสนับสนุนโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต

4.4 เพิ่มจำนวนเยาวชนและผู้ใหญ่ที่มีทักษะที่จำเป็นรวมถึงทักษะทางเทคนิคและอาชีพสำหรับการจ้างงาน การมีงานที่ดีและการเป็นผู้ประกอบการ

SDG 8 ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องและยั่งยืน การจ้างงานที่เหมาะสมสำหรับทุกคน

8.3 ส่งเสริมนโยบายที่มุ่งการพัฒนาที่สนับสนุนกิจกรรมที่มีผลิตภาพ การสร้างงานที่สมควร ความเป็นผู้ประกอบการ ความสร้างสรรค์และนวัตกรรม และส่งเสริมการเกิดและการเติบโตของวิสาหกิจรายย่อยขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งรวมถึงผ่านทางการเข้าถึงบริการทางการเงิน

SDG 12 สร้างหลักประกันให้มีรูปแบบการบริโภคและผลิตที่ยั่งยืน

12.7 ส่งเสริมแนวปฏิบัติด้านการจัดซื้อจัดจ้างภาคสาธารณะที่ยั่งยืน ตามนโยบายและการให้ลำดับความสำคัญของประเทศ

ผลการดำเนินงานเทียบเป้าหมาย


ผลการประเมินประเด็นด้านความยั่งยืนแบบ
“ทวิสารัตถภาพ”

มิติด้านความยั่งยืน

  • มิติธรรมาภิบาล และเศรษฐกิจ

ระดับผลกระทบเพื่อนำมาประยุกต์ใช้
ในการดำเนินธุรกิจ

  • สำคัญ (Focus Material Topics)

เป้าหมายระยะสั้น ระยะยาว และความก้าวหน้าเทียบกับเป้าหมาย

คู่ค้าลำดับที่ 1 (Tier 1 Suppliers) ที่มีความเสี่ยงสูง (Significant Suppliers) ด้านความยั่งยืนจะต้องถูกตรวจประเมินแบบเชิงรุก (Comprehensive Assessment) และเกิดการพัฒนาปรับปรุง

สรุปผลการดำเนินงาน ปี 2567

หลักเกณฑ์การระบุคู่ค้าสำคัญที่ทำธุรกิจกับบริษัทโดยตรง และคู่ค้าสำคัญที่ไม่ได้ทำธุรกิจกับบริษัทโดยตรง

คู่ค้าลำดับที่ 1

คู่ค้าที่สำคัญลำดับที่ 1*

คู่ค้าที่สำคัญลำดับถัดไป*

*หลักเกณฑ์และการระบุประเภทของคู่ค้า
1.คู่ค้าที่สำคัญลำดับที่ 1 : คู่ค้าที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่สำคัญกับบริษัท ซึ่งหมายถึง คู่ค้าที่มีความเสี่ยงจากการพึงพาของบริษัท ได้แก่ คู่ค้าที่มีมูลค่ายอดซื้อสูงๆ (>=80%) และ/หรือ คู่ค้าที่สามารถส่งผลกระทบต่อความได้เปรียบในการแข่งขันความสำเร็จของตลาด และ/หรือคู่ค้าที่ไม่สามารถทดแทนได้
2.คู่ค้าที่สำคัญลำดับถัดไป : ผู้จัดหาวัตถุดิบผลิตภัณฑ์และบริการให้กับคู่ค้าที่สำคัญลำดับที่ 1 ของบริษัทซึ่งวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์และบริการที่ส่งมอบนั้นๆ มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความได้เปรียบในการแข่งขัน ความสำเร็จของตลาดหรือการอยู่รอดของบริษัท มีจำนวนน้อยรายหรือไม่สามารถทดแทนได้
การระบุคู่ค้าที่สำคัญลำดับที่ 1 และวิเคราะห์มูลค่าการซื้อ

มูลค่าการใช้จ่าย จำแนกตามแหล่งที่ใช้จ่าย

ร้อยละ 98

การใช้จ่ายทั้งหมดกับคู่ค้าลำดับที่ 1
(ภายในประเทศ)

ร้อยละ 79

การใช้จ่ายทั้งหมดกับคู่ค้าลำดับที่ 1
(ที่มีนัยสำคัญ)

ร้อยละ 18

การใช้จ่ายทั้งหมดกับคู่ค้าลำดับที่ 1
(เอสเอ็มอี*)

*หมายเหตุ: มูลค่าการใช้จ่ายทั้งหมดกับเอสเอ็มอี คลอบคลุม ผลิตภัณฑ์การเกษตร ผลิตภัณฑ์ชุมชน ผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชน

การมีส่วนร่วมของคู่ค้าลำดับที่ 1

ร้อยละ 100

ได้รับการสื่อสารจริยธรรม
และแนวทางปฏิบัติสำหรับคู่ค้า*

ร้อยละ 100

ลงนามรับทราบจริยธรรม
และแนวทางปฏิบัติสำหรับคู่ค้า*

ร้อยละ 100

คู่ค้าลำดับที่ 1 เข้าร่วมโปรแกรมคัดกรอง
ความเสี่ยงด้าน ESG

*หมายเหตุ: เป้าหมายปี 2567: ร้อยละ 100

การมีส่วนร่วมของคู่ค้าที่สำคัญลำดับที่ 1

ร้อยละ 100

ได้รับการสื่อสารจริยธรรมและแนวทางปฏิบัติสำหรับคู่ค้า*

ร้อยละ 100

ลงนามรับทราบจริยธรรมและแนวทางปฏิบัติสำหรับคู่ค้า*

ร้อยละ 100

คู่ค้าที่มีนัยสำคัญเข้าร่วมโปรแกรมประเมินความเสี่ยงด้าน ESG

ร้อยละ 100

คู่ค้าที่มีผลกระทบด้าน ESG เข้าร่วมโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพคู่ค้า

*หมายเหตุ: เป้าหมายปี 2567: ร้อยละ 100

การบริหารความเสี่ยงคู่ค้าที่มีนัยสำคัญลำดับที่ 1 และลำดับถัดไป

ร้อยละ 100

คู่ค้าที่ได้รับการตรวจประเมินผ่านการวิเคราะห์เอกสาร
หรือการตรวจประเมินในสถานที่จริง

ร้อยละ 7.14

ร้อยละเทียบกับจำนวนคู่ค้าที่ได้รับการประเมินความเสี่ยง

คู่ค้าที่ได้รับการตรวจประเมินและพบว่าผลกระทบเชิงลบที่เกิดจริงหรือที่อาจเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ


คู่ค้าที่พบว่ามีผลกระทบเชิงลบ ที่เกิดขึ้นจริงหรืออาจเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถูกยกเลิกสัญญา


ร้อยละ 100

คู่ค้าที่มีผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นจริงหรืออาจเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ที่มีการจัดทำแผนปฏิบัติการแก้ไข หรือมีแผนปรับปรุงตามข้อตกลง

ร้อยละ 100

คู่ค้าที่ได้รับการสนับสนุนในการดำเนินการตามแผนแก้ไข

ร้อยละ 100

คู่ค้าที่ได้รับการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพ เพื่อลดผลกระทบตามแผนแก้ไข

ความเสี่ยงและโอกาส


ปี 2567 ธุรกิจต่าง ๆ ต้องเร่งปรับตัวเพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคที่มุ่งเน้นความสะดวกสบาย และความรวดเร็วในการซื้อและการบริโภคสินค้า การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในห่วงโซ่อุปทานจึงเป็นสิ่งจำเป็น เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยปัญญาประดิษฐ์ในระบบคลังสินค้า และขนส่ง เป็นต้น อย่างไรก็ตามการใช้เทคโนโลยีที่ไม่เต็มประสิทธิภาพ เช่น การขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้งานการวางแผนที่ไม่รอบคอบ หรือการเชื่อมต่อระบบที่ไม่ราบรื่น อาจทำให้เกิดความล่าช้าหรือการหยุดชะงักของกระบวนการจัดส่งสินค้า รวมถึงคู่ค้าที่อาจด้อยคู่แข่งการแข่งขันในการปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดและเทคโนโลยี ความเสี่ยงเหล่านี้อาจทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับประสบการณ์ที่คาดหวัง และส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของธุรกิจในระยะยาว

นอกจากนี้ การจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างมีความรับผิดชอบ ช่วยยกระดับคุณภาพการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการส่งมอบสินค้าและบริการสู่ผู้บริโภคโดยมีคู่ค้าเป็นหัวใจสำคัญในห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งการคัดเลือกคู่ค้าที่มีศักยภาพ พัฒนาขีดความสามารถของคู่ค้าและสร้างความผูกพันผ่านโครงการความร่วมมือที่ยั่งยืนช่วยลดความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น ต้นทุนที่สูงขึ้น การขาดแคลนวัตถุดิบ การละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นต้น

บริษัทมุ่งมั่นส่งเสริมศักยภาพคู่ค้าทุกกลุ่มให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงประเด็นด้านสังคม สิ่งแวดล้อม ธรรมาภิบาล และสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ลดความเสี่ยง และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ

แนวทางการดำเนินงาน


บริษัทบูรณาการนโยบายด้านการจัดหาอย่างยั่งยืน ผู้ต้องจริยธรรมและแนวทางปฏิบัติของคู่ค้าที่คำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับการบริหารห่วงโซ่อุปทาน โดยมุ่งเน้นการบริหารให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนครอบคลุมประเด็นสำคัญ ได้แก่ สิทธิมนุษยชน จริยธรรมธุรกิจ มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิต ผลิตภัณฑ์และบริการของคู่ค้า นอกจากนี้ บริษัทยังสนับสนุนให้คู่ค้าทุกกลุ่มกำหนดนโยบายการจัดหาอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ เพื่อลดผลกระทบเชิงลบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม พร้อมทั้งสนับสนุนการมีส่วนร่วมในการดำเนินงานร่วมกับคู่ค้าลำดับที่ 1 รวมไปถึงคู่ค้าที่สำคัญลำดับที่ 1

บริษัทดำเนินการคัดกรองความเสี่ยงของคู่ค้าลำดับที่ 1 ทั้งหมด โดยใช้เกณฑ์ที่ครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล และความสำคัญต่อธุรกิจในกระบวนการคัดคู่ค้าที่มีนัยสำคัญ บริษัทพิจารณาคู่ค้าที่มีมูลค่ายอดซื้อสูง คู่ค้าที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ คู่ค้าที่มีจำนวนน้อยราย คู่ค้าที่ไม่สามารถทดแทนได้ ควบคู่ไปกับการพิจารณาคู่ค้าที่อาจสร้างผลกระทบเชิงลบด้าน ESG ตามความเสี่ยงเฉพาะประเภท เฉพาะอุตสาหกรรม และเฉพาะผลิตภัณฑ์ จากการประเมินความเสี่ยงของคู่ค้าดังกล่าว บริษัทสามารถระบุคู่ค้าที่มีนัยสำคัญ (Significant Suppliers) และดำเนินการตรวจประเมิน (Assessment) คู่ค้ากลุ่มดังกล่าว เพื่อลดความเสี่ยงด้านการบริหารห่วงโซ่อุปทาน

นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนและสังคม รวมถึงมีส่วนร่วมในการบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ ตามนโยบายและเป้าหมายด้านการบริหารห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน

กลยุทธ์การจัดการห่วงโซ่อุปทาน

ซีพี ออลล์ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพฤติกรรมการจัดหาห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งและยั่งยืน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยมีหลักการสำคัญ 4 ประการ ดังนี้

01

การจัดหา การจัดซื้อ การทำสัญญา การจัดการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ บริการ และการก่อสร้างตามข้อกำหนดที่ทันเวลาในระดับบริหารสูงสุด (คุณภาพสินค้า ต้นทุน บริการหลังการขาย จัดส่ง)

02

การจัดการอุปสงค์และห่วงโซ่อุปทานแบบบูรณาการ (บนการสร้างสมดุลของปริมาณการใช้ข้อมูลและสะท้อนถึงการจัดการต้นทุนและอุปทาน)

03

พัฒนาร่วมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรมใหม่ร่วมกับพันธมิตร/คู่ค้า เพิ่มความหลากหลายและประสิทธิภาพการดำเนินงาน

04

เสริมสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์และการจัดการหุ้นส่วนทางธุรกิจที่ยั่งยืน

จริยธรรมและแนวปฏิบัติสำหรับคู่ค้า

บริษัทมุ่งมั่นส่งเสริมคู่ค้าให้ดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ โดยสนับสนุนให้คู่ค้าปฏิบัติตามคู่มือจริยธรรมและแนวทางปฏิบัติสำหรับคู่ค้า (Suppliers’ Code of Conduct and Guideline) ซึ่งครอบคลุม คู่ค้าลำดับที่ 1 (Tier-1 Suppliers) และคู่ค้าสำคัญลำดับถัดไป (Critical Non Tier-1 Suppliers) ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ผ่านแนวปฏิบัติ 16 แนวปฏิบัติ ในปี 2567 บริษัทได้สื่อสารคู่มือจริยธรรมฯ ไปยัง คู่ค้าลำดับที่ 1 ทั้งคู่ค้ารายเดิมและคู่ค้ารายใหม่ รวม 2,412 ราย คิดเป็น ร้อยละ 100 ของคู่ค้าทั้งหมด และเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทได้จัดอบรมหลักสูตรการพัฒนาผู้จัดการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน (Buyer Development Training on Sustainability Procurement) ให้แก่ พนักงาน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความตระหนักและความเข้าใจเกี่ยวกับคู่มือจริยธรรมฯ ฉบับปรับปรุงปี 2565 ในทุกระดับ สำหรับใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืนอีกด้วย

กระบวนการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน

กระบวนการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน
บูรณาการแนวคิดด้านความยั่งยืน ลดความเสี่ยง ตลอดห่วงโซ่อุปทาน สร้างคุณค่าร่วม พัฒนา ส่งเสริมศักยภาพ
01
สื่อสารความคาดหวัง สรรหาและคัดเลือก
คู่ค้าที่มีศักยภาพ โดยผนวกหลักเกณฑ์ด้านความยั่งยืน
02
บริหารความเสี่ยงด้านความยั่งยืน
สำหรับคู่ค้า (คัดกรองและประเมิน)
03
ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพ
04
สร้างความผูกพันและรักษาความสัมพันธ์ระยะยาว

1. การสื่อสารความคาดหวัง สรรหา และคัดเลือกคู่ค้าที่มีศักยภาพ

บริษัทดำเนินการคัดเลือกคู่ค้าอย่างมีความรับผิดชอบและมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงประเด็นด้านความยั่งยืนในทุกขั้นตอนของการสรรหาและคัดเลือกคู่ค้ารายใหม่ โดยบริษัทได้กำหนดหลักเกณฑ์การประเมินศักยภาพและคุณสมบัติของคู่ค้าใหม่ ซึ่งครอบคลุมประเด็นสำคัญดังนี้

คุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

การดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง

ความสามารถในการผลิตและการบริหารต้นทุน ที่เหมาะสม

ความสามารถในการส่งมอบและผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (ESG) ซึ่งพิจารณาจากคะแนนการคัดเลือกคู่ค้าตามเกณฑ์ด้านความยั่งยืนที่ บริษัทกำหนด

คู่ค้าที่ไม่ผ่านเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำและไม่สามารถพัฒนาคะแนนตามเกณฑ์ด้านความยั่งยืนได้ตามระยะเวลาที่กำหนด จะไม่ได้รับการพิจารณาสัญญา นอกจากนี้ บริษัทยังสื่อสารความคาดหวังขององค์กรตามคู่มือจริยธรรมและแนวทางปฏิบัติสำหรับคู่ค้าให้คู่ค้าได้รับทราบและถือปฏิบัติ

ในปี 2567 มีคู่ค้ารายใหม่ จำนวน 189 ราย คิดเป็นร้อยละ 100 ที่ได้รับการคัดเลือกโดยใช้หลักเกณฑ์ที่บูรณาการประเด็นด้านความยั่งยืน ซึ่งครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อม สังคมและสิทธิมนุษยชน รวมถึง ธรรมาภิบาลและเศรษฐกิจ

บริษัทได้ดำเนินการทบทวนและปรับปรุงแนวปฏิบัติผ่านการจัดซื้อ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับคู่มือจริยธรรมและแนวทางปฏิบัติ สำหรับคู่ค้า และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความขัดแย้งกับ ข้อกำหนดด้าน ESG ขององค์กร บริษัทให้ความสำคัญกับการจัดซื้อ อย่างยั่งยืน โดยจัดอบรมเพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ผู้บริหาร และพนักงานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกและจัดซื้อสินค้า รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียภายนอกองค์กร เช่น ผู้รับเหมา และพันธมิตรธุรกิจ

2. บริหารความเสี่ยงด้านความยั่งยืนสำหรับคู่ค้า (การคัดกรองและตรวจประเมิน)

การคัดกรอง (Screening) คู่ค้าที่มีนัยสำคัญ (Significant Supplier)

บริษัทให้ความสำคัญกับการคัดกรองคู่ค้าอย่างรอบคอบ โดยดำเนินการคัดกรองคู่ค้าลำดับที่ 1 และลำดับถัดไปทั้งหมด ทั้งคู่ค้ารายเดิม (Existing Suppliers) และคู่ค้ารายใหม่ (New Suppliers) เพื่อระบุคู่ค้าที่มีนัยสำคัญต่อธุรกิจ กระบวนการคัดกรองนี้ดำเนินการโดยหน่วยงานจัดซื้อร่วมกับหน่วยงานตรวจประเมินความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งจะทำการประเมินความเสี่ยงเบื้องต้นของคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาจากปัจจัยสำคัญ 2 ประการ ได้แก่ 1) ความสำคัญต่อธุรกิจ (Business Relevance) พิจารณาจาก 2 ปัจจัยย่อย ได้แก่ มูลค่ายอดซื้อสูง (High Spending) การไม่สามารถทดแทนได้ง่าย (Non-Substitutable) หรือมีความสำคัญต่อกระบวนการผลิต หรือการดำเนินงานของบริษัท อย่างยิ่ง 2) ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับประเด็นด้านความยั่งยืน (ESG Risk) พิจารณาครอบคลุมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance)

สิ่งแวดล้อม

  • การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • การปกป้องฟื้นฟูระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

สังคม

  • สิทธิมนุษยชนและการใช้แรงงาน
  • สุขภาพวะของพนักงาน สุขภาพและความปลอดภัย

การกำกับดูแลกิจการ

  • การต่อต้านการทุจริต

ความเกี่ยวข้องทางธุรกิจ

  • ปริมาณการใช้จ่ายของบริษัทต่อคู่ค้า
  • การไม่สามารถทดแทนได้

บริษัทประเมินระดับความสำคัญของคู่ค้าต่อธุรกิจว่ามีมากน้อยเพียงใด ควบคู่ไปกับระดับความเสี่ยงด้านความยั่งยืน (ESG Risk) ซึ่งระดับความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจของคู่ค้าด้านความยั่งยืน จะถูกพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

  • ความเสี่ยงตามบริบทประเทศ (Country-Specific Risk) เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของสภาวะทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง รวมถึงปัจจัยภายนอกอื่น ๆ อาทิ ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่คู่ค้าดำเนินงานอยู่
  • ความเสี่ยงตามบริบทอุตสาหกรรม (Sector-Specific Risk) เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากลักษณะเฉพาะของอุตสาหกรรมที่คู่ค้าดำเนินอยู่ เช่น ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมเคมี หรือความเสี่ยงด้านแรงงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอ
  • ความเสี่ยงตามบริบทของสินค้า (Commodity-Specific Risk) เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากลักษณะเฉพาะของสินค้าที่คู่ค้าผลิต หรือจัดจำหน่าย เช่น ความเสี่ยงด้านคุณภาพของสินค้า หรือความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของสินค้า

จากนั้นบริษัทจะนำผลการประเมินความสำคัญต่อธุรกิจและระดับความเสี่ยงด้านความยั่งยืนมาประกอบการพิจารณาเพื่อระบุคู่ค้าที่มีนัยสำคัญต่อธุรกิจ โดยคู่ค้าที่มีความสำคัญต่อธุรกิจสูงและมี ความเสี่ยงด้านความยั่งยืนสูงจะได้รับการพิจารณาเป็นคู่ค้าที่มีนัยสำคัญจากกระบวนการคัดกรอง (Screening) ในปี 2567 บริษัทได้ระบุคู่ค้าที่มีนัยสำคัญลำดับที่ 1 จำนวน 263 ราย และ คู่ค้าที่มีนัยสำคัญลำดับถัดไป จำนวน 17 ราย รวมคู่ค้าที่มีนัยสำคัญทั้งหมด จำนวน 280 ราย คิดเป็นร้อยละ 11.53 ของคู่ค้าทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทดำเนินการทบทวนการประเมินคู่ค้าอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกปี เพื่อให้มั่นใจว่าการระบุคู่ค้าที่มีนัยสำคัญเป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม

ประเด็นที่พบจากการตรวจประเมินด้านความยั่งยืน

มิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental : E)
ประเด็นความเสี่ยง มาตรการจัดการความเสี่ยง
การจัดการสิ่งแวดล้อม (Environmental Management)
– การดำเนินการให้สอดคล้องกับ พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535
– ทบทวนข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เรื่องการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและดำเนินการตามกฎหมายกำหนด
มิติด้านสังคม (Social : S)
ประเด็นความเสี่ยง มาตรการจัดการความเสี่ยง
การจัดการแรงงาน และสิทธิมนุษยชน
– การตรวจสุขภาพพนักงานตามปัจจัยเสี่ยง
– สมุดสุขภาพ
– จัดทำคู่มือการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยง และดำเนินการตรวจสุขภาพพนักงาน
– จัดทำสมุดสุขภาพ สำหรับพนักงาน
ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย
– จัดอบรม “อบรมดับเพลิงและซ้อมหนีไฟ และสารเคมีรั่วไหล” ให้กับพนักงาน
– การตรวจสอบสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน
– การประเมินความเสี่ยงด้านอาชีวอนามัย และความปลอดภัยในการทำงาน
– จัดทำแผน และจัดอบรมประจำปี พร้อมทั้งทำสรุปรายงานการจัดอบรม
– จัดทำแผนการตรวจสอบสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานประจำปี โดยหน่วยงานที่ได้รับการรับรอง
– วิเคาระห์ผลการตรวจสอบ และปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องตามข้อกฏหมาย
– กำหนดแผนงาน และแนวปฏิบัติด้านอาชีวอนามัย ให้สอดคล้องตามข้อกฏหมาย เช่น การประเมินความความเสี่ยง
มิติด้านการกำกับดูแลกิจการ (Governance : G)
ประเด็นความเสี่ยง มาตรการจัดการความเสี่ยง
การปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบ
– ติดตามการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการ
– คู่มือแรงงาน
– สัญญาจ้างงาน
– หลักฐานการจ่ายค่าตอบแทน
– อบรม จป. บริหาร
– การขึ้นทะเบียน บุคลากร หรือหน่วยงานด้านความปลอดภัยในระดับบริหาร หัวหน้างาน เป็นต้น
– แต่งตั้งผู้รับผิดชอบ
– จัดทำทะเบียนกฎหมาย และติดตามการเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายต่างๆ 
– จัดทำคู่มือแรงงาน และสื่อสารให้พนักงานทราบ
– จัดทำสัญญาจ้างงาน ให้เป็นลายลักษณ์อักษร ด้วยภาษาที่พนักงานเข้าใจ
– จัดทำบัญชีรายชื่อสารเคมีอันตรายและรายละเอียดข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมีอันตราย (สอ.1) แจ้งต่อหน่วยงานราชการ
– แต่งตั้งบุคลากรในระดับต่างๆ และส่งไปอบรม พร้อมทั้งแจ้งขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

การประเมินคู่ค้าที่ถูกระบุว่ามีนัยสำคัญต่อธุรกิจ

บริษัทใช้วิธีการประเมินคู่ค้าที่หลากหลาย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนและเหมาะสมกับขนาดของธุรกิจของคู่ค้า ดังนี้

การประเมินหรือการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เอกสาร

เป็นกระบวนการที่ดำเนินการโดยหน่วยงานตรวจประเมินยืนยัน ในห่วงโซ่อุปทาน ด้วยการรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นต่อการประเมินคู่ค้า จากแหล่งต่างๆ ได้แก่ 1) แบบประเมินตนเองที่คู่ค้าจะต้องกรอก ข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลทั่วไปของบริษัท นโยบายและแนวทางจัดการ ด้าน ESG การจัดการความเสี่ยงและผลการดำเนินงานด้านต่างๆ เป็นต้น 2) เอกสารและรายลละเอียดที่เกี่ยวข้อง เช่น รายงานทางการเงิน รายงานด้านความยั่งยืน หรือใบรับรองมาตรฐานต่างๆ ที่คู่ค้าขอยาก ขอให้ส่ง และ 3) ฐานข้อมูลสาธารณะที่คู่ค้าเปิดเผยไว้ จากนั้น หน่วยงานตรวจประเมินยืนยันในห่วงโซ่อุปทานดำเนินการ วิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมมาเพื่อประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้า และเพื่อให้มั่นใจว่าคู่ค้ามีมาตรการในการจัดการความเสี่ยงนั้นๆ อย่างเหมาะสม

การประเมินคู่ค้า ณ สถานที่จริงโดยหน่วยงานภายใน

ในกรณีที่คู่ค้าไม่สามารถมอบหลักฐานหรือแสดงมาตรการจัดการ ความเสี่ยงได้ บริษัทจะดำเนินการตรวจประเมินคู่ค้าในรูปแบบประเมิน ณ สถานที่จริงโดยผู้เชี่ยวชาญภายในบริษัท จากหน่วยงานประเมินคุณภาพ (2nd Party Assessment) เพื่อระบุประเด็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้น โดยออกแบบรายการตรวจประเมินความเสี่ยงให้สอดคล้องกับ มาตรฐานและแนวทางปฏิบัติที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล อาทิ มาตรฐาน SMETA ซึ่งครอบคลุมประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ได้แก่ มาตรฐานการใช้แรงงาน การเลือกปฏิบัติ การจ้างงาน การจ่าย ค่าตอบแทน สุขภาพและความปลอดภัย การจัดการผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อม จริยธรรมทางธุรกิจ และ ระบบการตรวจสอบย้อนกลับ สำหรับวัตถุดิบจนถึงผลิตภัณฑ์

การประเมินคู่ค้า ณ สถานที่จริงโดยหน่วยงานอิสระภายนอก

บริษัทให้ความสำคัญกับการประเมินคู่ค้าอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะคู่ค้า สำคัญลำดับที่ 1 (Critical Tier-1 Suppliers) ที่มีการส่งออกสินค้าไป ต่างประเทศ บริษัทกำหนดให้คู่ค้ากลุ่มนี้ต้องผ่านการประเมินความเสี่ยง ด้าน ESG (Environmental, Social, and Governance) โดยผู้เชี่ยวชาญ จากหน่วยงานอิสระภายนอก เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เช่น ISO 14001, ISO 54001, SA8000, ISO 45001, ISO 22000, ISO 22301 (BCM) และ ISO 50001 เป็นต้น

นอกจากนี้ ซีพี ออลล์ ว่าจ้างหน่วยงานอิสระภายนอก (Third party) ที่ได้รับ การรับรอง (CB) เพื่อตรวจประเมินคู่ค้าที่มีนัยสำคัญ โดยใช้เกณฑ์มาตรฐาน สากล เช่น SMETA เป็นต้น ในการตรวจประเมินคู่ค้า และเพื่อให้การติดตาม และประเมินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทจะขอให้คู่ค้าจัดเตรียมผล การตรวจประเมิน และใบรับรองจากหน่วยงานอิสระ เพื่อใช้ในการติดตาม การรักษาระบบมาตรฐาน (Surveillance Audit) ข้อมูลดังกล่าวจะถูกนำ มาพิจารณาเพื่อตรวจสอบแนวทางการจัดการความเสี่ยงด้าน ESG และ ประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงานของคู่ค้า เพื่อให้มั่นใจว่าคู่ค้ามีมาตรฐาน ที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของบริษัทและมาตรฐานสากล

ในปี 2567 บริษัทตรวจประเมิน (Assessment) คู่ค้าที่มีนัยสำคัญลำดับที่ 1 จำนวน 263 ราย และคู่ค้าที่มีนัยสำคัญลำดับถัดไป จำนวน 17 ราย รวม 280 ราย พบคู่ค้าที่มีผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นจริงหรืออาจเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จำนวน 20 ราย คิดเป็นร้อยละ 7.14 ของคู่ค้าที่มี นัยสำคัญทั้งหมด ใน 47 ประเด็นหลัก

พร้อมกันนี้ บริษัทสนับสนุนให้คู่ค้าจัดทำมาตรการจัดการความเสี่ยงด้านความยั่งยืนภายในหน่วยงานของตนเอง โดยคู่ค้าที่มีผลกระทบเชิงลบ ที่เกิดขึ้นจริงหรืออาจเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมีการจัดทำแผนปฏิบัติการแก้ไข หรือแผนปรับปรุง (Corrective action plan) ตามข้อตกลงร้อยละ 100

บริษัทดำเนินการติดตามความคืบหน้าในการจัดการความเสี่ยงของคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมสนับสนุนการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพ ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและส่งเสริมการเติบโตของคู่ค้าควบคู่ไปกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ในปี 2567 คู่ค้าที่ได้รับ การสนับสนุนในการดำเนินการตามแผนแก้ไข คิดเป็นร้อยละ 100 และคู่ค้าที่มีนัยสำคัญลำดับที่ 1 และลำดับถัดไปที่ได้รับการส่งเสริมการพัฒนา ศักยภาพ เพื่อให้สามารถลดผลกระทบได้ตามแผนคิดเป็นร้อยละ 100 (20 ราย)

3. ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพ

บริษัทมุ่งมั่นที่จะยกระดับศักยภาพของคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คู่ค้าสามารถนำองค์ความรู้และทักษะที่ได้รับไปต่อยอดการดำเนินธุรกิจอย่าง ยั่งยืน โดยได้ดำเนินโครงการที่หลากหลายเพื่อสนับสนุนเป้าหมายนี้ อาทิ โครงการฝึกอบรมความรู้ผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับภาพรวมของการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและยังยืนตามหลัก ESG กระบวนการพัฒนาจริยธรรมทางธุรกิจ และแนวปฏิบัติสำหรับคู่ค้า และตัวอย่างแนวทางปฏิบัติที่ดีสำหรับคู่ค้าในการดำเนินงานอย่างยั่งยืน

การฝึกอบรมคู่ค้าด้านโปรแกรม กระบวนการและข้อกำหนด ESG ของบริษัท

บริษัทสื่อสารและถ่ายทอดความรู้ด้าน ESG ให้กับคู่ค้า ประกอบด้วย

  • สื่อสารความคาดหวังด้าน ESG ของบริษัทไปยั้งคู่ค้า โดยอธิบายมาตรฐาน ESG ของบริษัทอย่างชัดเจน พร้อมทั้งสื่อสารเหตุผลและ ความสำคัญของ ESG ต่อธุรกิจ
  • จัดอบรมและประชุมเชิงปฏิบัติการด้าน ESG อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ความรู้แก่คู่ค้าเกี่ยวกับแนวคิด หลักการ และแนวปฏิบัติที่ดี

ในปี 2567 บริษัทดำเนินโครงการที่หลากหลาย เพื่อสร้างองค์ความรู้และยกระดับศักยภาพด้านความยั่งยืนของคู่ค้า โดยมีโครงการที่โดดเด่น ดังนี้

โครงการต่อเนื่อง “Vendor Conference 2024”

บริษัท ซีพีแรม จํากัด จัดงาน “CPRAM Vendor Conference 2024″ ภายใต้แนวคิด RESONANCE SYNERGY ผสานพลังเพื่อความเป็นหนึ่ง โดยจัดเวทีรูปแบบไปสู่การสานความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ส่งมอบและคู่ค้าในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ต่อยอดเพื่อสร้างเสถียรภาพและเกิดทางการเติบโตของ องค์กร พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้ ได้แก่ การสามารถให้ข้อตกลงในการดำเนินการพร้อมอย่างยั่งยืน, สถานการณ์คุณภาพของโลก และการบรรยาย ในหัวข้อ Sustainable Development Goals:ESG ซึ่งการสร้างความร่วมมือดังกล่าว มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนด้าน ESG:Environment, Social และ Governance ที่ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนเพื่อสร้างเสริมพันธภาพและความเข้าใจที่ดีร่วมกันระหว่างองค์กรกับคู่ค้าบนรากฐานยุทธศาสตร์ ขององค์กร และพร้อมขับเคลื่อนไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ซึ่งมีคู่ค้าสำคัญในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์เข้าร่วมงานมากกว่า 200 ราย

โครงการต่อเนื่อง ALL DELICA ALLIANCE (ADA) ปีที่ 2

บริษัท ซีพีแรม จำกัด มุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสม เพื่อรักษามาตรฐานและคุณค่าของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดตั้งโครงการ ALL Delica Alliance (ADA) ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการส่งเสริมความร่วมมือด้านอนาคต FOOD 3S (Food Safety, Food Security, Food Sustainability) โดยมีเป้าหมายในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานด้านอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ และ ครอบคลุมการดูแลโภชนาการสำหรับผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ บริษัทจึงมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการธุรกิจในหลากหลาย มิติ อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด การปรับปรุงกระบวนการผลิต การประกันคุณภาพ และการบริหารต้นทุน ซึ่งมีทั้งให้ความสำคัญ กับความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมความมั่นคงและความยั่งยืนของพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงการขับเคลื่อนนวัตกรรมและ การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ด้วยแนวทางดังกล่าว บริษัทมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และระบบซัพพลายเชนให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

สัมมนาหัวข้อ “การรวมพลังลดคาร์บอน ร่วมสร้างสังคมยั่งยืน”

บริษัทมุ่งมั่นสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้กลยุทธ์ “2 ลด 4 สร้าง 1 DNA” โดยให้ความสำคัญกับการลดการใช้พลาสติกและพลังงาน ตามนโยบาย “7 Go Green” เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2573 และการปลดปล่อยเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593

เพื่อขับเคลื่อนความพร้อมให้ก้าวในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว บริษัทได้จัดสัมมนาให้ความรู้แก่คู่ค้า 117 รายเกี่ยวกับการขับเคลื่อนธุรกิจ สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและ Net Zero โดยครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจก ความสำคัญของเป้าหมาย Net Zero ปัญหา สิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีการแนะนำเครื่องมือและแบบฟอร์มที่ช่วย ระบุแหล่งที่มาของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการวางแผนลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและซักถามประเด็นที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันส่งเสริมการดูแลสิ่งแวดล้อมตามปณิธาน “Giving & Sharing” ของ ซีพี ออลล์ ในการสร้างโลกที่น่าอยู่และยั่งยืน

การเข้าถึงเกณฑ์มาตรฐานด้าน ESG ของคู่ค้าเทียบกับคู่แข่ง

คู่ค้าจะได้รับข้อมูลหรือเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถเปรียบเทียบผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ของตนเองกับ คู่ค้ารายอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ประกอบด้วย

  • ข้อมูลคะแนนเปรียบเทียบภาพรวม และรายมิติ เปรียบเทียบกับคู่ค้ารายอื่น ๆ
  • แบ่งปันกรณีศึกษา เกณฑ์มาตรฐาน แนวปฏิบัติที่ดี และตัวอย่างในการจัดการด้าน ESG เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและให้คำแนะนำแก่คู่ค้า
  • บริษัทยอมคำแนะนำและความรู้ในด้าน ESG อย่างหลากหลาย อาทิ มาตรฐานการจัดทำรายงานความยั่งยืน (Sustainability Reporting Standards) ให้กับคู่ค้า เพื่อสนับสนุนคู่ค้าในการพัฒนาด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง
  • สนับสนุนให้คู่ค้าเข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ การประชุม และประชุมเชิงปฏิบัติการด้าน ESG เพื่อติดตามแนวโน้มล่าสุด การพัฒนากฎระเบียบ และแนวปฏิบัติที่ดีในด้าน ESG

การสนับสนุนคู่ค้าในการดำเนินการแก้ไขตามแผนปฏิบัติการ

บริษัทให้ความช่วยเหลือแก่คู่ค้า ในการนำมาตรการแก้ไขไปปฏิบัติ เพื่อแก้ไขปัญหาหรือข้อบกพร่องที่ตรวจพบ ประกอบด้วย

  • บริษัทสร้างทีมเฉพาะกิจให้คำแนะนำและสนับสนุนคู่ค้าในการพัฒนาการดำเนินงานด้าน ESG
  • ให้คำปรึกษาผ่านวิดีโอคอลหรืออีเมล
  • เสนอผู้เชี่ยวชาญด้าน ESG ที่สามารถให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่คู่ค้า
  • สนับสนุนคู่ค้าให้เข้าถึงเครื่องมือการประเมิน ESG เพื่อช่วยในการแก้ไขและพัฒนาผลดำเนินงานด้าน ESG

สนับสนุนด้านเทคนิคเชิงลึกเพื่อเสริมสร้างศักยภาพและผลการดำเนินงาน ESG ของคู่ค้า

บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างขีดความสามารถของคู่ค้า เพื่อยกระดับการปฏิบัติงานอย่างยั่งยืนและเป็นไปตามมาตรฐาน ESG ที่บริษัทกำหนด รวมถึงสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับคู่ค้า จึงได้จัดโครงการอบรมเพื่อยกระดับขีดความสามารถให้คู่ค้า พร้อมทั้งกำหนดให้มี การประเมินผลการดำเนินงานเป็นประจำทุกปีเพื่อเป็นตัวชี้วัดความคืบหน้าของโครงการ ปี 2567 ดำเนินโครงการดังนี้

โครงการสนับสนุนด้านเทคนิคเชิงลึกเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย สำหรับผู้รับเหมาด้านการขนส่ง

จากการวิเคราะห์ที่ผลการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนของคู่ค้า (Non-Compliance Potential Fact Finding: PF) ในปี 2567 พบว่า ประเด็นความเสี่ยงที่พบบ่อยในกลุ่มผู้รับเหมาขนส่งคือ ประเด็นความเสี่ยงเกี่ยวกับอาชีวอนามัยและความปลอดภัย

ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงได้พัฒนาโครงการสนับสนุนด้านเทคนิคเชิงลึกเพื่อยกระดับศักยภาพการจัดการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ของผู้รับเหมาขนส่งสินค้า โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างการจัดการความปลอดภัยเชิงลึกและยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของรถขนส่ง สินค้าที่ให้บริการแก่บริษัท และมีการติดตามและวัดผลความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2565-2567 ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้

  • แต่งตั้งคณะทำงานด้านความปลอดภัยด้านขนส่งและมาตรฐานคุณภาพสินค้า มีหน้าที่กำหนดมาตรการลดความเสี่ยงที่อาจก่อ ให้เกิดอุบัติเหตุทั้งในและนอกเวลางาน กำหนดมาตรฐานการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ระหว่างการจัดส่ง เพื่อให้ผู้รับเหมา ขนส่งสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยมีตัวแทนผู้บริหาร และตัวแทนหน่วยงานจัดส่ง DC ของ ซีพี ออลล์ เข้าร่วมเป็นคณะทำงาน ประชุมเดือนละ 2 ครั้ง
  • จัดโครงการฝึกอบรม สื่อสาร สร้างความตระหนักด้านความปลอดภัยของยานพาหนะขนส่งแก่ผู้เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
  • กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับยานพาหนะขนส่ง ตรวจสอบสภาพของยานพาหนะก่อนการเดินทาง
  • กำหนดจุดแวะพักบนเส้นทางขนส่งทางไกลที่มีระยะทางมากกว่า 250 กิโลเมตร หรือการเดินทางมากกว่า 4 ชั่วโมงขึ้นไป
  • ติดตั้ง GPS ให้กับรถขนส่งทุกคันได้ ร้อยละ 100
  • จัดทำระบบรายงานสภาพถนนและสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงจุดเสี่ยงอุบัติเหตุในแต่ละพื้นที่ที่เป็นเส้นทางน้ำท่วมและทางเลี่ยง
  • จัดกิจกรรมส่งเสริมความปลอดภัย “CP ALL DRIVING CONTEST PROJECT” แข่งขันต่อเนื่องเป็นรายไตรมาส เริ่มไตรมาสที่ 2 ปี 2567
  • การติดตามอุบัติเหตุจากการขนส่ง จัดทำรายงานประจำวัน

ปี 2566 มี 100 เคส
 ร้อยละ  7
ปี 2567 มี 93 เคส

ผลลัพธ์ ปี 2567

ผู้รับเหมาขนส่งมีความรู้ความเข้าใจเรื่องความปลอดภัยในการขนส่งมากขึ้น

จำนวนอุบัติเหตุที่เกิดจากการขนส่งน้อยลง

4. สร้างความผูกพันและรักษาความสัมพันธ์กับคู่ค้า

บริษัทมุ่งเน้นเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้คู่ค้าเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน โดยสานสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมหลากหลาย รูปแบบ ได้แก่ 1) การจัดประชุมสัมมนาและแถลงทิศทางนโยบายของบริษัท รวมถึงการเยี่ยมเยียนคู่ค้าเป็นประจำทุกปี เพื่อเปิดโอกาสให้คู่ค้า และบริษัทได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับฟังข้อเสนอแนะซึ่งกันและกัน 2) จัดทำแผนธุรกิจร่วมกับคู่ค้าเชิงกลยุทธ์ (Joint Business Plan) โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูล วิเคราะห์แนวโน้มตลาด และร่วมกำหนดแนวทางพัฒนาการเติบโตทางธุรกิจกับคู่ค้าเชิงกลยุทธ์ เพื่อให้การดำเนินงาน ของทั้งสองฝ่ายสอดคล้อง เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 3) การแบ่งปันองค์ความรู้และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่จำเป็นต่อ การพัฒนาธุรกิจ รวมถึงการดำเนินโครงการความร่วมมือต่าง ๆ (Project & Initiatives) เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของคู่ค้าในทุกด้าน 4) การพัฒนา อย่างยั่งยืน อาทิ ร่วมกันพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และจัดการบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคอย่างเป็นระบบ เพื่อลดผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อม 5) สนับสนุนการเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและพฤติกรรม ผู้บริโภค 6) การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของคู่ค้าในห่วงโซ่อุปทานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คู่ค้าสามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

โครงการต่อเนื่อง “สัมปอกปลอดภัย คนไทยยิ้มได้” ปีที่ 10

ซีพี แอ็กซ์ตร้า ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พัฒนาโครงการ “สัมปอกปลอดภัย คนไทยยิ้มได้” มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนเกษตรกรสวนส้มให้ยกระดับการผลิตตามมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practices) โดยส่งเสริมให้เกษตรกร หยุดใช้สารเคมีฆ่าแมลง และหันมาใช้สมุนไพรท้องถิ่นแทน รวมไปถึงตรวจสอบสารตกค้างของสารเคมีฆ่าแมลงโดยใช้ห้องปฏิบัติที่ได้รับการ รับรอง รวมทั้งการใช้แอปพลิเคชันเพื่อติดตามการเข้าถึงได้ ลูกค้าสามารถใช้ Makro i-Trace QR Code ที่อยู่บนบรรจุภัณฑ์หรือบนที่ตั้ง เพื่อตรวจสอบแหล่งผลิตได้

ผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้รับ

เกษตรกร

เข้าร่วมโครงการ

ครอบคลุมพื้นที่

จากทั้งสิ้น 7 จังหวัด

สนับสนุนส้มจากเกษตรกรจำนวน

การบูรณาการความยั่งยืน (ESG) ในกลยุทธ์การจัดการห่วงโซ่อุปทาน

บริษัทบูรณาการความยั่งยืน (ESG) เข้าในกลยุทธ์การจัดการห่วงโซ่อุปทาน ดังนี้

วัตถุประสงค์หลัก วัตถุประสงค์การจัดการห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมโยงกับ ESG กลยุทธ์การจัดการห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมโยงกับ ESG

เพิ่มขีดความสามารถของ SMEs

การเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับ การพัฒนาศักยภาพการบริหารห่วงโซ่อุปทาน อาทิ การพัฒนา ผลิตภัณฑ์ การเงินการขนส่ง ตลอดจนด้านความยั่งยืน ฯลฯ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDG) ข้อที่ 8.2 และสอดคล้องกับกลยุทธ์การบริหารห่วงโซ่อุปทานของ ซีพี
ออลล์ ที่มุ่งสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ๆ และให้ความช่วยเหลือคู่ค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมุ่งหวังผลลัพธ์คือการสร้างผลกระทบเชิงบวกทางด้านเศรษฐกิจ ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสังคม ชุมชน

สร้างคุณค่าร่วม “พัฒนาส่งเสริม SMEs” ซีพี ออลล์ มุ่งมั่นในการยกระดับศักยภาพ คู่ค้าโดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ด้วยการให้การอบรม การให้คำปรึกษา และคำแนะนำ การตรวจสอบมาตรฐาน การบริหารต้นทุน รวมถึงการร่วมคิดค้นนวัตกรรม เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพการดำเนินงาน การรักษาสิ่งแวดล้อม และการเป็นมิตรต่อสังคม ชุมชน


ลดปริมาณขยะพลาสติกจากการใช้บรรจุภัณฑ์

ลดปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์จากคู่ค้าในกระบวนการจัดการขยะ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายเศรษฐกิจหมุนเวียนของ ซีพี ออลล์ โดยแนวคิดนี้เพื่อตอบรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก ข้อที่ 12.6 และกรอบการทำงานด้านความยั่งยืนของ ซีพี
ออลล์ ในการ “ปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ” ผ่านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การเลือกใช้วัสดุ โดยมุ่งลดจำนวนขยะพลาสติก โครงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม

7 Go Green “บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” จากกระแสทั่วโลกที่รณรงค์ลดการใช้พลาสติกในบรรจุภัณฑ์ ซีพี ออลล์ คือการสนับสนุนคู่ค้า ได้บูรณาการแนวคิดด้านความยั่งยืนในการดำเนินงานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์และการเลือกใช้วัสดุ โดยได้มีโครงการร่วมกันระหว่างคู่ค้าด้านบรรจุภัณฑ์ เช่น การพัฒนา กระบวนการที่ลดปริมาณการใช้วัสดุ เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทนำเกณฑ์ด้านความยั่งยืนมาประยุกต์ใช้ในการประเมินความเสี่ยงของคู่ค้ารายเดิมและรายใหม่ที่เป็นผู้ผลิตสินค้าที่อยู่ในการควบคุมของบริษัท โดยคู่ค้าต้องทำการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนผ่านระบบการประเมินตนเองสำหรับคู่ค้า คู่ค้าที่ผ่านการคัดเลือกจะต้องมีผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนผ่านเกณฑ์ที่บริษัทกำหนดไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ซึ่งบริษัทมีการกำหนดเกณฑ์การดำเนินงานด้านความยั่งยืน ได้แก่ ด้านมาตรฐานสินค้าและการผลิต การจ้างแรงงานและสวัสดิการ และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม

ดัชนีวัดความสำเร็จการจัดการห่วงโซ่อุปทาน

บริษัทกำหนดดัชนีวัดความสำเร็จการจัดการห่วงโซ่อุปทาน โดยในปี 2567 มีดัชนีชี้วัดความสำเร็จ เป้าหมาย และมีผลการดำเนินงาน ดังนี้

ดัชนีชี้วัดความสำเร็จ (KPI) เป้าหมาย ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี
คู่ค้าลำดับที่ 1 ที่มีนัยสำคัญด้านความยั่งยืนจะต้องถูกตรวจประเมินแบบเชิงรุกและเกิดการพัฒนาปรับปรุง ร้อยละ 100 คู่ค้าลำดับที่ 1 ที่มีนัยสำคัญด้านความยั่งยืนจะต้องถูกตรวจประเมินแบบเชิงรุกและการพัฒนาปรับปรุง ภายในปี 2573
การเติบโตของยอดซื้อ SME ยอดซื้อสินค้า SMEs เติบโต
ร้อยละ 10 ภายในปี 2568 (เทียบปีฐาน 2563)
ระดับความผูกพันของคู่ค้า ร้อยละ 80 ระดับความผูกพันของคู่ค้า ภายในปี 2573
บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่อยู่ในการควบคุมของบริษัท ต้องสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ หรือนำมาใช้ใหม่ หรือสามารถสลายตัวได้ทางชีวภาพ ร้อยละ 100 ของบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่อยู่ในการควบคุมของบริษัท ต้องสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ หรือนำมาใช้ใหม่ หรือสามารถสลายตัวได้ทางชีวภาพ สำหรับบริษัทที่มีการดำเนินงานในประเทศไทย ภายในปี 2568 สำหรับบริษัทที่มีการดำเนินงานในต่างประเทศ ภายในปี 2573

การมีส่วนร่วมช่วยเหลือและยกระดับความตระหนักการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนให้แก่เจ้าหนี้ทางการค้า

บริษัทฯ มีนโยบายในการปฏิบัติต่อเจ้าหนี้ทุกรายด้วยความเสมอภาค เป็นธรรม และโปร่งใส โดยยึดมั่นในการปฏิบัติ ตามเงื่อนไขและสัญญาต่างๆ อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้เพื่อรักษาความเชื่อมั่นต่อเจ้าหนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเงินทุนให้มีโครงสร้างทางการเงินที่เหมาะสม มีการสื่อสารกับเจ้าหนี้ถึงสถานะของธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ และมุ่งมั่นในการรักษาสัมพันธภาพที่ยั่งยืนกับเจ้าหนี้ นโยบายและแนวทางปฏิบัติต่อเจ้าหนี้ของบริษัทฯ มีดังนี้

  • จัดทำสัญญากับเจ้าหนี้ทุกประเภทอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เสมอภาค เป็นธรรม และโปร่งใส โดยไม่เอาเปรียบคู่สัญญา
  • ไม่ใช้วิธีการทุจริต หรือปกปิดข้อมูล หรือข้อเท็จจริงสำคัญใดๆ ที่อาจทำให้เจ้าหนี้ได้รับความเสียหาย
  • ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงของสัญญาต่างๆ ที่ได้ทำไว้กับเจ้าหนี้ทุกประเภทอย่างเคร่งครัด ถูกต้อง ตรงไปตรงมา
  • วางระบบการทำจ่ายเงินให้เจ้าหนี้โดยมีขั้นตอนการทำงานอย่างรัดกุม มีกระบวนการสอบทานและควบคุมขั้นตอน การปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด มีระบบการควบคุมภายในที่ดี สามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส ซึ่งทำให้เกิดความมั่นใจว่า มีการจ่ายเงินอย่างถูกต้องและทันตามกำหนดเวลา โดยระบุไว้ที่ 30-60 วัน ภายหลังจากมีการส่งสินค้าหรือบริการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อตกลงที่ทำกับแต่ละคู่ค้า (อาจมากกว่า หรือน้อยกว่า 30 วัน)

ระยะเวลาการชำระเงิน

ค่าเฉลี่ยที่เกิดขึ้นจริงใน ปี 2567

  • ชำระคืนเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้ทุกประเภทอย่างครบถ้วนและตรงตามกำหนดเวลาที่ได้ตกลงไว้

นโยบายและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง

ข่าวสารและความเคลื่อนไหวไปยังลิงก์
นโยบายการจัดหาอย่างยั่งยืนดาวน์โหลด
คู่มือจริยธรรม และแนวทางปฏิบัติสำหรับคู่ค้าดาวน์โหลด

เว็บไซต์ cpall.co.th มีการเก็บคุกกี้ซึ่งเป็นการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน้า นโยบายการใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้ในส่วนวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า