การปกป้องฟื้นฟูระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ




ผลการดำเนินงานที่สำคัญปี 2565
จัดการความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่เสี่ยง
ร้อยละ 100ปลูกต้นไม้สะสม
347800 ต้นปล่อยพันธ์ุลูกปูม้า กลับคืนสู่ทะเลไทย
301000 ตัวผู้มีส่วนได้เสียหลักที่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ผลการดำเนินงานเทียบเป้าหมาย
เป้าหมายปี 2573
ร้อยละ 100ทุกพื้นที่การดำเนินการของธุรกิจมีโครงการวามร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ หรืองค์กรอิสระภายนอกเพื่อช่วยสนับสนุนการลดผลกระทบเชิงลบต่อระบบนิเวศหรือความหลากหลายทางชีวิตภาพ
ความก้าวหน้าเทียบกับเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว
สรุปผลการดำเนินงาน ปี 2565
การเพิ่มพื้นที่ปลูกต้นไม้ช่วยกักเก็บคาร์บอน
ประเภทโครงการ | พื้นที่ (ไร่) | จำนวนต้นไม้ (ต้น) |
---|---|---|
![]() |
68 | 18893 |
![]() |
72 | 14390 |
![]() |
178 | 35535 |
![]() |
5174 | 278982 |
ความเสี่ยงและโอกาส
เนื่องจากภาวะวิกฤตด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบันส่งผลให้เกิดการสูญเสียคววามสมดุลของระบบนิเวศ รวมถึงส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ดังนั้น เพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ อุตสาหกรรมธุรกิจทั่วโลกเริ่มให้ความสำคัญกับการดำเนินภายใต้ข้อมูลกำหนดและมาตรการเพื่อการปกป้องฟื้นฟูระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวิตภาพของโลก ทั้งนี้ บริษัทตระหนักถึงผลกระทบของวิกฤษการสูญเสียความหลากหลายทางชีวิภาพ ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติ การสูญเสียพื้นที่ทำเกษตรกรรม รวมถึงทำให้เกิดปัญหาด้านคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรและคนในชุมชน ตลอดจนส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุทาน เนื่องจากจำนวนและคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตรที่ลดลง ซึ่งเป็นผลจากระบบนิเวศที่ไม่มั่นคง และการลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพในดินและป่าไม้ รวมถึงการสูญเสียความหลากหลายทางพันธุกรรมทั้งในพื้นและปศุสัตว์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทมุ่งสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจ และภาคส่วนอื่นๆ ในการ่วมปกป้องและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศทางบก และทางน้ำ ผ่านการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศตลอดห่วงโซ่คุณค่า
แนวทางการดำเนินงาน
บริษัทดำเนินงานภายใต้นโยบายด้านความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรธรรมชาติ ครอบคลุมพื้นที่และการดำเนินงานของบริษัทร่วมกับคู่ค้าทางธุรกิจลำดับที่ 1 รวมถึงคู่ค้าทางธุรกิจอื่นในห่วงโซ่คุณค่า เพื่อหลีกเลี่ยงกิจกรรมทางธุรกิจที่ส่งผลกระทบเชิงลบและความสูญเสียต่อความหลากหลายทางชีวภาพ (No Net Loss: NNL) พร้อมแนวทางสร้างผลกระทบเชิงบวกสุทธิ (Net Positive Impact: NPI) เพิ่มความอุดมสมบูรณ์และคืนสมดุลให้กับระบบนิเวศ โดยบริษัทใช้เครื่องมือความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Assessment Tool: IBAT) ในการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านความหลากหลายทางชีวภาพเบื้องต้น เพื่อให้มั่นใจว่าพื้นที่ปฏิบัติงานของพื้นที่ดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจไม่ตั้งอยู่บนพื้นที่คุ้มครองตามนิยามและข้อตกลงขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (The International Union for Conservation of Nature: IUCN) และไม่ตั้งอยู่บนพื้นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตามประกาศของ UNESCO นอกจากนี้ บริษัทกำหนดแนวทางการบรรเทาผลกระทบอย่างมีลำดับขั้น (Mitigation Hierarchy) ตลอดจนรวมมือกับพันธมิตรดำเนินโครงการด้านการฟื้นฟู อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ในระบบนิเวศทั้งทางบก และทางน้ำ เพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพให้มีความอุดมสมบูรณ์
การประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
นอกจากเคารพและปฏิบัติตามข้อกำหนด และปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่นด้านการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ท้องถิ่น บริษัทยังให้ความสำคัญกับประเมินความเสี่ยงและผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมรวมไปถึงประเด็นความเสี่ยงและผลกระทบเชิงระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ภายใต้นโยบายด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติขององค์กร โดยครอบคลุมพื้นที่การดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ ได้แก่ โรงงาน ศูนย์กระจายสินค้า และพื้นที่การจำหน่ายสินค้าร้อยละ 100 รวมไปถึงพื้นที่การดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจของคู่ค้าที่สำคัญลำดับที่ 1 ร้อยละ 100 ผ่านการประยุกต์นำเทคโนโลยีสารสนเทศรวมกับฐานข้อูลความหลากหลายทางชีวภาพ มาใช้ในการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความหลากทางชีวภาพในระบบนิเวศ เพื่อจัดทำแผนป้องกันผลกระทบต่อระบบนิเวศทางบก และทางน้ำ รวมถึงแนวทางการพัฒนาร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นที่การดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทและคู่ค้า ส่งผลกระทบเชิงลบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และไม่ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตคุ้มครองใดๆ
ขั้นตอนการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบความหลากหลายทางชีวภาพ
แนวทางการบรรเทาผลกระทบอย่างมีลำดับชั้น (Mitigation Hierarchy)
จากกระบวนการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านความหลากลายทางชีวภาพ ในด้านการรุกรานของศัตรูพืช การลดลงของสายพันธุ์พืชและสัตว์ การย้ายถิ่นฐาน และการเปลี่ยนแปลงของระบบระบบนิเวศวิทยา ตลอดจนกำหนดแนวทางการบรรเทาผลกระทบอย่างมีลำดับขั้น (Mitigation Hierarchy) เพื่อลดความเสี่ยงและหลีกเลี่ยงความรุ่นแรงด้านความหลากหลายทางชีวภาพทั้งทางตรง และทางอ้อม ซึ่งครอบคลุมการลด การบรรเทาไปจนถึงการชดเชย นอกจากนี้ บริษัทเคารพและปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎหมายท้องถิ่นทางด้านการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพจากการดำเนินธุรกิจ

ความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อลดผลกระทบต่อระบบนิเวศทางบก
เพื่อขับเคลื่อนสนับสนุนการปลูกต้นไม้เพื่อชุมชนและสังคมร่วมกับผู้มีส่วนได้เสีย บริษัทได้จัดตั้งคณะทำงานปลูกต้นไม้ยืนต้นเพื่อชุมชนที่ยั่งยืน ดำเนินงานด้านฟื้นฟูป่าไม้ และติดตามโครงการภายใต้กรอบการดำเนินการทั้ง 4 ด้าน ดังนี้
ในปี 2565 บริษัทดำเนินโครงการและกิจกรรมร่วมกับผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศและปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งทางบกและทางน้ำ โดยมีโครงการเชิงกลยุทธ์ที่โดดเด่น ดังนี้
โปรแกรมปลูกต้นไม้ในพื้นที่บริษัท
บริษัทร่วมกับพนักงานดำเนินโครงการปลูกต้นไม้ในทุกพื้นที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี และฟื้นฟูระบบนิเวศให้ดียิ่งขึ้น ปัจจุบันมีการปลูกต้นไม้สะสมมากกว่า 18,893 ต้น
พื้นที่ดำเนินการ
บริษัทตระหนักและให้ความสำคัญการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อระบบนิเวศและความหลากหลาย ผ่านการดำเนินกิจกรรมเพื่อรักษาและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศร่วมกับคู่ค้า และกลุ่มพันธมิตรธุรกิจ ภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนชุมชนท้องถิ่น เพื่อลดความสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่เป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจ และเพื่อรักษาระบบนิเวศให้มีความสมบูรณ์ต่อไป โดยในปี 2565 บริษัทโปรแกรมร่วมกับกลุ่มพันธมิตรที่หลากหลาย ดังนี้
โปรแกรมความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อลดผลกระทบต่อระบบนิเวศทางบก
โครงการ "We GROW for ALL เราปลูกเพื่อทุกคน"
บริษัทจัดสรรพันธุ์กล้าไม้ให้พนักงานนำกลับไปปลูกที่พักอาศัย และสนับสนุนกิจกรรม "อวดต้นไม้ของเรา" ให้พนักงานร่วมปลูกไม้ยืนต้นและบันทึกการปลูกต้นไม้ผ่านแอปพลิเคชัน We Grow เพื่อคำนวณการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซดิ์ ดำเนินโครงการต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ในปี 2565 บริษัท แจกจ่ายพันธุ์กล้าไม้ 14,390 ต้น ให้กับพนักงาน 7,195 ราย



โปรแกรมความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อลดผลกระทบต่อระบบนิเวศทางน้ำ
โครงปลูกป่าชายเลน
ศูนย์กระจายสินค้าสุราษฏร์ธานี อนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่งในบริเวณพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธ์อนุบาลและที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล เป็นประจำทุกปี ในปี 2565 โครงการได้ปลูกพันธ์กล้าไม้ 200 ต้น รวมถึงปล่อยปูม้าทะเล จำนวน 1,000 ตัว เพื่ออนุรักษืและฟื้นฟูพันธุ์สัตว์น้ำ ร่วมกับเทศบาลตำบลพุมเรียง และกลุ่มชาวบ้าน ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฏร์ธานี



โครงการ ปูม้ายั่งยืน คู่ทะเลไทย
บริษัท ซีพีแรม จำกัด ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งเขต 3 (สุราษฏร์ธานี) และบริษัท วิริยะเครป โปรดักส์ ดำเนินโครงการปูม้ายั่งยืนเพื่อทะเลไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 ส่งเสริมแนวคิดการอนุรักษ์พันธุ์ปูม้าในพื้นที่อ่าวไทยและอันดามัน ในพื้นที่บริเวณชายฝั่งจังหวัดสุราษฏร์ธานีและเป็นกรณีศึกษาให้กับโครงการอื่นๆ ในเรื่องการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร และลดผลกระทบของกิจกรรมทางธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ผ่านการดำเนินการเพาะพันธุ์และปล่อยลูกพันธุ์ปูม้าคืนระยะ Young Crab คืนสู่ทะเล ในปี 2565 โครงการได้ปล่อยลูกปูม้าในธรรมชาติกว่า 300,000 ตัว คิดเป็นจำนวนสะสม 1,000,000 ตัว



โปรแกรมปลูกต้นไม้ ปลูกอาชีพ
โครงการ "ไผ่พอเพียง...สู่อนาคตที่ยั่งยืน (Bamboo Project)"
ไผ่เป็นพืชท้องถิ่นที่ปัจจุบันกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนและต้องนำเข้าจากต่างประเทศ บริษัทได้ดำเนินโครงการ "ไผ่พอเพียง...สู่อนาคตที่ยั่งยืน" ต่อเนื่องเป็นที่ 2 เพื่อส่งเสริมการสร้างรายได้ให้แก่โรงเรียนในการเพิ่มจำนวนไผ่และนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อมฟื้นฟูสภาพดิน รวมถึงช่วยในด้านการดูดซับก๊าซเรือนกระจก ภายใต้ภาคีไผ่ยั่งยืน โดยบริษัทดำเนินการร่วมกับโรงเรียนในโครงการ "สานอนาคตการศึกษา CONNEXT ED" ของบริษัท ผ่านการให้ความรู้เรื่องประโยชน์ของไผ่ การเพาะพันธุ์ การปลูกการดูแลรักษา การจัดสรรทรัพยากรน้ำและดิน การใช้ประโยชน์จากไผ่ การแปรรูปผ่านรูปแบบการสัมมนาออนไลน์ ตลอดจนสนับสนุนพันธุ์กล้าไผ่ให้แก่โรงเรียนภาคีเครือข่าย รวมถึงช่วยหาโอกาสและช่องทางการตลาด

ผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้รับ
โครงการ "โรงเรียนป่าไม้ (Forestry School Concept)"
ภายใต้เป้าหมายของบริษัทในการส่งเสริมการปลูกต้นไม้ให้ได้ 30,000 ต้นต่อปี บริษัทได้ดำเนินการต่อยอดจากโครงการ "ไผ่พอเพียง...สู่อนาคตที่ยั่งยืน" ส่งต่อองค์ความรู้ให้กับโรงเรียน โดยบูรณาการความรู้ด้านการปลูกไผ่ ในเนื้อหากลุ่มสาระต่างๆ ตามหลักสูตรแกนกลาง ประกอบไปด้วย 7 หัวข้อ ดังนี้
เรียนรู้การเพาะพันธุ์กล้าไม้
รู้จักต้นไม้ชนิดประเภท
การอนุบาลดูแลรักษากล้าไม้
การปลูก
การดูแลรักษาและใช้ประโยชน์
การรายงานผล การเก็บข้อมูลการเจริญเติบโต
การรณรงค์การปลูกและดูแลรักษาป่าไม้
ผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้รับ
โปรแกรมร่วมกับภาคส่วนอื่นๆ
โครงการ ป่าล้อมวัด
บริษัทได้ดำเนินโครงการ "ป่าล้อมวัด" ภายใต้นโยบาย เซเว่น โก กรีน ส่งมอบพันธุ์กล้าไม้ให้กับวัดและชุมชน เพื่อฟื้นฟูและคืนความสมบูรณ์ให้กับระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ มุ่งส่งเสริมการปลูกป่าทดแทน เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับชุมชน และสร้างจิตสำนักรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รวมถึงบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีคุณค่า ในปี 2565 บริษัทได้ขยายผลส่งต่อพันธุ์กล้าไม้พร้อมองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องให้ 120 ชุมชน 4 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์, บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ และสกลนคร จำนวน 68,900 ต้น


ผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้รับ
โครงการ สระน้ำไร้นา ประชารัฐสามัคคี เกษตรอินทรีย์ วิถีสุรินทร์ 4.0
บริษัทดำเนินการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับชุมชน และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยส่งมอบพันธุ์กล้าไม้ เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ และปลูกป่าทดแทนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ในปี 2565 มีการขยายพื้นที่มากขึ้นเป็นจำนวนทั้งหมด 17 อำเภอ


ผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้รับ
โครงการ ชุมชนต้นน้ำปลูกป่า
บริษัทร่วมกับกลุ่มชุมชน และภาคีต้นน้ำ ภายใต้การขับเคลื่อนของบริษัทปลูกฝังการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กนักเรียน นักศึกษา และชุมชน ผ่านการสร้างพื้นที่สีเขียวจากคนภายในชุมชนเพื่อชุมชน เน้นสร้างอาชีพ สร้างการหมุนเวียนรายได้ สร้างองค์ความรู้ โดยสนับสนุนตั้งแต่กระบวนการ "ต้นน้ำ" หรือแหล่งเพาะกล้าไม้ ด้วยการสนับสนุนงบประมาณ สร้างโรงเรือนเพาะพันธุ์ โรงเรือนอนุบาลกล้าไม้ และงบประมาณเพาะกล้าไม้ดูแลรักษา
ในปี 2565 ชุมชนโนนนารายณ์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ร่วมเป็นแกนนำเครือข่ายขับเคลื่อนโครงการ นอกจากนี้กล้าไม้จากแหล่งเพาะภายในโครงการ "ปลูกป่า" จะถูกส่งต่อผ่านโครงการป่าล้อมวัด เพื่อไปปลูกที่บ้าน วัด โรงเรียน ชุมชน รวมถึงโครงการ "WE GROW for ALL เราปลูกเพื่อทุกคน" ให้พนักงานร่วมปลูกต้นไม้ยืนต้นต่อไป


ผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้รับ
โครงการ "ปลูกป่า ปลูกอนาคต"
โครงการดำเนินต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 สนับสนุนพันธุ์กล้าไม้เพื่อบ้าน วัด และชุมชน พร้อมส่งมอบกล้าไม้ 68,900 ต้น ให้กับวัดในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และสกลนคร ในปี 2565 ศูนย์กระจายสินค้า RDC บุรีรัมย์ได้นำคณะทำงานลงพื้นที่ ส่งมอบต้นกล้าไม้ 400 ต้น และให้ความรู้การเพาะเมล็ด พร้อมร่วมปลูกต้นไม้ร่วมคณะครูและนักเรียน โรงเรียนมหิธรวิทยา จังหวัดสุรินทร์
อีกทั้งศูนย์กระจายสินค้าขอนแก่น ได้ร่วมกับผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และหน่วยงานภาครัฐได้จัดกิจกรรมมอบต้นกล้าไม้และปลูกต้นไม้ จำนวน 150 ต้น บริเวณสวนสาธารณะประโยชน์ (โนนจาน) อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น และมอบต้นกล้าไม้และปลูกต้นไม้ร่วมกับ ซีพีแรม และศูนย์กระจายสินค้าโลตัส ขอนแก่น จำนวน 200 ต้น บริเวณสวนสาธารณะหนองบัวดีหมี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
พร้อมกันนี้ ศูนย์กระจายสินค้าคลังเย็นภูเก็ต ได้จัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ จำนวน 99 ต้น ในพื้นที่ศูนย์เรียนรู้ป่าชุมชนห้วยน้ำท่อ ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต



ผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้รับ
โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16
โลตัส ร่วมกับมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จัดฝึกอบรม ให้ความรู้แก่เยาวชนจิตอาสาในรูปแบบสัมผัสประสบการณ์โดยตรง เพื่อปลูกจิตสำนึกการหวงแหนและเป็นแนวร่วมในการอนุรักษ์ผืนป่าทรัพยากรธรรมชาติและสิ่แวดล้อม พันธุ์พืชและสัตว์ป่า ที่มีคุณค่าในพื้นที่อทยานแห่งชาติให้ยังคงความสมบูรณ์ โดยในปี 2565 นำเยาวชนนักเรียนระดับมัธยมปลายจากโรงเรียนเขาใหญ่พิทยาคม จำนวน 200 ราย ที่อยู่รอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เข้าอบรม ณ ค่าเยาวชนสุรัสวดี อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พร้อมทั้งนำคณะผู้บริหารและพนักงานโลตัสร่วมปลูกป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และอำเภอมวกเหล็ก อำภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี พื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี และมอบเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนโครงการจำนวน 2 ล้านบาท ปัจจุบันได้ทำการปลูกต้นไม้ในโครงการไปแล้ว 47,700 ต้น บนพื้นที่กว่า 368,000 ตารางเมตร หรือกว่า 230 ไร่


ผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้รับ
โครงการ CPRAM Green Life #ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน
ภายใต้เป้าหมายความยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ รวมถึงกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซีพีแรม ดำเนินโครงการร่วมกับหน่วยงานภรครัฐ และหน่วยงานท้องถิ่น โดยโครงการได้ดำเนินงานส่งมอบกล้าไม้ยืนต้นให้พนักงาน ชุมชน และผู้ที่สนใจทั่วประเทศนำกล้าไม้ไปปลูกยังพื้นที่อาศัย และพื้นที่สาธารณะในชุมชนตามภูมิลำเนาเพื่อช่วยกระจายพื้นที่สีเขียว ฟื้นฟู และรักษาสมดุลของระบบนิเวศ และเพิ่มประมาณต้นไม้ในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ปัจจุบันได้ทำการปลูกต้นไม้ในโครงการไปแล้ว 15,160 ต้น บนพื้นที่กว่า 100,000 ตารางเมตร หรือกว่า 70 ไร่ โดยในปี 2565 ซีพีแรม มีการขยายดครงการและกิจกรรมในหลายพื้นที่ ดังนี้
ผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้รับ
พื้นที่ดำเนินการ | หน่วยงานที่ร่วมมือ | รายละเอียดกิจกรรม |
---|---|---|
พื้นที่บ้านทุ่งดินดำ จังหวัดสุพรรณบุรี |
|
ดำเนินโครงการ "CPRAM GREEN LEFE #ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน" |
พื้นที่สวนป่าคลองตะเคียน จังหวัดชลบุรี |
|
ดำเนินโครงการ CPRAM Forest best for life ภายใต้โครงการ "CPRAM GREEN LIFE #ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน" ปลูกต้นไม้ 4000 ต้น บนพื้นที่กว่า 32000 ตารางเมตร ( 20 ไร่) |
พื้นที่จังหวัดลำพูน |
|
ดำเนินโครงการ CPRAM Forest best for life ภายใต้โครงการ "CPRAM GREEN LIFE #ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน" ดำเนินโครงการปลูกต้นไม้เป็นแนวรั้วธรรมชาติรองโรงงาน จำนวน 200 ต้น บนพื้นที่กว่า 1600 ตารางเมตร |
พื้นที่รินฝั่งแม่น้ำตาปี จังหวัดสุราษฏร์ธานี |
|
ร่วมกิจกรรมจิตอาสา "รักษ์แม่น้ำ ลุ่มน้ำตาปี" ปล่อยพันธุ์ปลาในแม่น้ำตาปีและปลูกต้นไม้ในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำตาปี |
อ่าวทุ่งโปร่ง กองพันลาดตระเวน จังหวัดชลบุรี |
|
ดำเนินโครงการ CPRAM Forest best for life ภายใต้โครงการ "CPRAM GREEN LIFE #ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน" ปลูกต้นโกงกางกว่า 700 ต้น ณ อ่าวทุ่งโปร่ง กองพันลาดตระเวน สัตหีบ |
พื้นที่ ซีพีแรม 7 แห่งทั่วประเทศ |
|
ดำเนินโครงการ CPRAM Forest best for life ภายใต้โครงการ "CPRAM GREEN LIFE #ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน" ในปี 2565 แจกต้นกล้าไม้ให้พนักงานและประชาชน จำนวน 13150 ต้น สะสมรวม 76750 ต้น |
นโยบายและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง
นโยบายด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติ | ดาวน์โหลด |